การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์
คือการคุยอย่างมีจุดมุ่งหมาย
ซึ่งนิยมใช้เป็นเครื่องมือวัดผลการศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะด้านความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ เช่น
เกี่ยวกับบุคลิกภาพ
การปรับตัว เจตคติ ความสนใจ
รวมทั้งคุณลักษณะเกี่ยวกับการปฏิบัติในด้านวิธีการปฏิบัติ
การใช้การสัมภาษณ์เพื่อวัดความสามารถในด้านความรู้ความคิดทางสติปัญญาก็สามารถใช้ได้ แต่ต้องระมัดระวังในกรณีที่ผู้ถูกสัมภาษณ์มีหลายคน และใช้คำถามคนละชนิดคนละเรื่อง
ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการเปรียบเทียบคะแนน
ประเภทของการสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น 2
ประเภท ดังนี้
1. การสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ
เป็นการสัมภาษณ์ที่ผู้สัมภาษณ์ต้องเตรียมคำถามหรือแบบสัมภาษณ์ล่วงหน้าให้ครอบคลุมเนื้อหาหรือเรื่องราวที่ต้องการทราบจากผู้ถูกสัมภาษณ์
2. การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ
เป็นการสัมภาษณ์ที่ผู้สัมภาษณ์เตรียมแต่
จุดมุ่งหมายไว้แล้วใช้วิธีการสนทนาซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยผู้สัมภาษณ์ต้องพยายามให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกว่ามีบรรยากาศที่เป็นกันเอง และอาจมีการป้อนคำถามนำบ้าง
หลักเกณฑ์ในการสัมภาษณ์
1.
ผู้สัมภาษณ์ต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าต้องการรู้สิ่งใดจากผู้ถูกสัมภาษณ์
2. ผู้สัมภาษณ์ต้องเตรียมคำถามหรือคำสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องไว้ล่วงหน้า
3.
ผู้สัมภาษณ์ต้องสร้างความเป็นกันเองโดยการยิ้มแย้มแจ่มใสแก่ผู้ถูกสัมภาษณ์
4.
ผู้สัมภาษณ์ควรรู้เรื่องที่ตนเองจะสัมภาษณ์เป็นอย่างดีเพื่อช่วยในการสรุปผล
และช่วยในการตั้งคำถามเสริมระหว่างที่สัมภาษณ์
5.
ต้องมีการจดบันทึกผลการสัมภาษณ์อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์หวาดระแวง
ขั้นตอนของการสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์มีขั้นตอนในการดำเนินการ 3 ขั้น ดังนี้
1. ขั้นเริ่มสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์ควรคำนึงถึงเทคนิคที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
1.1 ผู้สัมภาษณ์จะต้องแนะนำตนเอง
บอกจุดมุ่งหมายของการสัมภาษณ์
พร้อมทั้งพยายามชี้แนะให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เห็นว่าเขามีส่วนสำคัญมากในการที่จะทำให้งานเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์ และจะต้องชี้แจงแก่ผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วยว่า ข้อมูลครั้งนี้ถือเป็นความลับ
และถ้าจะบันทึกเทปต้องแจ้งแก่ผู้ถูกสัมภาษณ์ให้ทราบก่อนด้วย
1.2 พยายามสร้างบรรยากาศ และสัมพันธภาพที่ดีในการสัมภาษณ์
โดยใช้เวลาเล็กน้อยสนทนาเรื่องที่ผู้ถูกสัมภาษณ์สนใจทั่ว ๆ ไปก่อน เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์มีความคุ้นเคย มีความรู้สึกเป็นมิตร และไว้วางใจผู้สัมภาษณ์
2. ขั้นสัมภาษณ์เนื้อหา ผู้สัมภาษณ์ควรคำนึงถึงเทคนิค ดังต่อไปนี้
2.1 คำถามควรสั้นกะทัดรัด
และปล่อยให้ผู้ถูกสัมภาษณ์พูดอย่างเสรีเพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่าเขามีอิสระที่จะพูดตามที่เขาคิด
2.2 อย่าวิพากษ์วิจารณ์
หรือสั่งสอนผู้ให้สัมภาษณ์
เมื่อผู้ให้สัมภาษณ์ให้ข้อมูลหรือมีพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับที่สังคมยอมรับ
2.3
อย่าใช้คำถามที่เป็นการชี้แนะคำตอบ
2.4 ในระหว่างสัมภาษณ์
ผู้สัมภาษณ์ไม่ควรจะเร่งรัด
หรือคาดคั้นคำตอบจากผู้ให้สัมภาษณ์
2.5 ในกรณีที่ผู้สัมภาษณ์ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนหรือเป็นที่พอใจ ถ้ายังไม่คุ้นเคยกันนักอาจจะผ่านไปก่อน
เมื่อจบการสัมภาษณ์แล้วค่อยย้อนกลับมาถามใหม่ โดยกล่าวในเชิงทบทวนคำถาม หรือทบทวนคำตอบแบบสุภาพ
3. ขั้นยุติการสัมภาษณ์
ควรกล่าวคำขอบคุณผู้ให้สัมภาษณ์ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการสัมภาษณ์
การจดบันทึกคำตอบในแบบสัมภาษณ์
การจดบันทึกคำตอบในการสัมภาษณ์
มีแนวปฏิบัติดังนี้
1.
ต้องจดบันทึกทันทีหลังจากการสัมภาษณ์แล้ว
เพื่อกันลืมหรือสับสน
2. รายละเอียดที่จะบันทึก ได้แก่
ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์ ที่อยู่ วันที่สัมภาษณ์ ผลการสัมภาษณ์ ซึ่งประกอบด้วย เรื่องที่สัมภาษณ์ คำตอบของผู้ให้สัมภาษณ์
ความคิดเห็นของผู้ให้สัมภาษณ์ที่มีต่อปัญหา ข้อสังเกตที่ได้ในขณะสัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหานั้น
ๆ สรุปข้อเสนอแนะและสรุปผลการสัมภาษณ์
3. ควรบันทึกแต่เนื้อหาสาระเท่านั้น ไม่ควรใส่ความคิดเห็นของผู้สัมภาษณ์เพราะอาจก่อให้เกิดความเอนเอียงได้
4.
ถ้าไม่ได้คำตอบในการสัมภาษณ์ในคำถามใดผู้สัมภาษณ์ควรจะบันทึกเหตุผลไว้ด้วย
การสัมภาษณ์ในการเรียนการสอน
ในการเรียนการสอนสามารถนำการสัมภาษณ์ไปใช้ได้ 4 ลักษณะ ดังนี้
1. ใช้ในการทดสอบ
ในกรณีที่นักเรียนยังเขียนไม่เป็น
ครูอาจนำข้อสอบมาถามให้นักเรียนตอบด้วยวาจา ก็ถือเป็นการสัมภาษณ์
2. ใช้ประกอบการสังเกต
ถ้าครูใช้การสังเกตแล้วยังพบว่าได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนก็อาจจำเป็นต้องสัมภาษณ์เพิ่มเติม
3. ใช้แทนการสังเกต
ในบางครั้งครูอาจไม่สามารถสังเกตนักเรียนได้ทั่วถึงทุกคน ก็อาจใช้วิธีการซักถามจากเพื่อนครูคนอื่น หรือบุคคลอื่นที่เชื่อถือได้ เพื่อนำข้อมูลมาตัดสิน
4. ใช้การสัมภาษณ์ซักถามนักเรียนโดยตรงเพื่อหาข้อเท็จจริง การสัมภาษณ์ควรจะมีแบบบันทึกการสัมภาษณ์ด้วย เพื่อจะได้ทำให้เกิดความสะดวกในการบันทึก
การใช้การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์มีลักษณะเหมือนการสอบปากเปล่า โดยใช้ประสาทสัมผัสเป็นสื่อ ซึ่งจะต้องระมัดระวัง ดังนี้
1. ผลของการสัมภาษณ์ขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้สัมภาษณ์ วิธีการ
และคำถามที่จะใช้
ผู้สัมภาษณ์จึงควรมีลักษณะดังนี้
1.1 มีการเตรียมตัวให้พร้อม คำพูด ท่าทาง
ต้องเหมาะสมถูกกาลเทศะ
1.2 มีความคล่องแคล่วในการใช้คำถาม และการสรุปผล
1.3 มีการกระตุ้นเตือนในการใช้คำถามยั่วยุให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ตอบคำถาม
แต่ไม่ใช้คำพูดแบบตีโวหารหรือเล่นสำนวน
1.4 พยายามถามเรื่องที่ผู้ถูกสัมภาษณ์อยากตอบ และไม่ถามเชิงแนะคำตอบ
2. ผู้ถูกสัมภาษณ์จะให้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับความร่วมมือเป็นสำคัญ
ดังนั้นผู้สัมภาษณ์ควรปฏิบัติต่อผู้ถูกสัมภาษณ์ ดังนี้
2.1
สร้างความเป็นกันเองเพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัด มีอิสระในการตอบ
2.2 ให้ความสนใจ และความจริงใจ
2.3
ไม่ควรถามในเรื่องที่ทำให้เสียศักดิ์ศรีหรือเป็นจุดบกพร่องที่รุนแรงของผู้ถูกสัมภาษณ์
3. ควรมีการติดต่อนัดหมายและแจ้งวัตถุประสงค์ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ทราบล่วงหน้า
4. พยายามอย่าให้มีอคติทางอารมณ์เกิดขึ้นกับผู้สัมภาษณ์หรือผู้ถูกสัมภาษณ์
5. ไม่ควรใช้เวลาสัมภาษณ์ติดต่อกันนานเกินไป
ข้อดีของการสัมภาษณ์
1. ใช้ได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย แม้ผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออก หรือเขียนไม่ได้ก็สามารถให้ ข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ได้
2.
การสัมภาษณ์เป็นการสร้างความเป็นกันเองกับผู้สัมภาษณ์โดยตรง
3.
ผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถซักถามคำถามให้เข้าใจก่อนที่จะตอบได้
4.
ข้อมูลที่ได้มีความเชื่อถือได้มากกว่าแบบสอบถาม
5.
ผู้ถูกสัมภาษณ์มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและซักถามเมื่อไม่เข้าใจได้
6. ผู้สัมภาษณ์สามารถอ่านความรู้สึกนึกคิดของผู้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องต่าง
ๆ ได้
ข้อเสียของการสัมภาษณ์
1.
ข้อมูลที่ได้ขึ้นอยู่กับผู้สัมภาษณ์โดยตรงได้แก่คุณสมบัติของผู้สัมภาษณ์
เช่น บุคลิกภาพ มนุษยสัมพันธ์
ไหวพริบ การตัดสินใจ เป็นต้น
2. อารมณ์ของผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์
มีผลต่อความเที่ยงตรงของข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์
3.
การสัมภาษณ์ต้องใช้เวลามากเพราะต้องสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล
4. ข้อมูลที่ได้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม เช่น
สภาพอากาศ แสง เสียงรบกวน
เป็นต้น
ที่มา : http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit5/level5-4.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น